คำอธิบายและวิเคราะห์งบการเงินสำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2548 เปรียบเทียบกับผลการดำเนินงาน ไตรมาส 3 ปี 2547 ผลการดำเนินงานของบมจ. อสมท และบริษัทย่อย หน่วย : ล้านบาท (สอบทานแล้ว) ไตรมาสที่3 ปี 48 ไตรมาสที่3 ปี47 1) เปลี่ยนแปลงร้อยละ รายได้โทรทัศน์ 474 505 -6.1 รายได้วิทยุ 143 118 21.2 รวมรายได้ทั้งหมด 790 769 2.7 รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 451 496 -9.1 กำไรสุทธิ 254 233 2) 9.0 กำไรสุทธิต่อหุ้น(บาท) 0.37 0.34 9.0 หมายเหตุ 1) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ม.ค.- 16 ส.ค. 2547 เป็นงบการเงินสอบทานแล้ว ขององค์การสื่อสารมวลชน แห่งประเทศไทย ซึ่งได้มีการเปิดเผยไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหุ้นสามัญ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และ ผลการดำเนินงานตั้งแต่ 17 ส.ค.- 30 ก.ย. 2547 เป็นงบการเงินตรวจสอบแล้วและเปิดเผยไว้ในรายงาน ประจำปี 2547 ของบมจ. อสมท 2) องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยจดทะเบียนเป็นบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2547 และเริ่มคิดภาษีเงินได้ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2547 รายได้จากการดำเนินงานโทรทัศน์สำหรับไตรมาส 3ปี 48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ได้ปรับลง ร้อยละ 6.1 เนื่องจากรายได้จากการขายโฆษณาปรับลดลง อันเป็นผลมาจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เกิดจาก การปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ทำให้อำนาจในการจับจ่ายใช้สอยโดยรวมลดลง รวมถึงเป็นช่วง Low season ของอุต สาหกรรมด้วย รายได้จากการดำเนินงานวิทยุสำหรับไตรมาส 3ปี 48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ปรับขึ้นร้อยละ 21.2 อันเป็นผลมาจากการเข้ามาบริหาร 6 คลื่นในกรุงเทพ (จากเดิมที่ให้เช่า) ในขณะที่การขยายตัวของอุตสาหกรรม วิทยุโดยรวมในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับไตรมาส 3ปี 48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ปรับลดลงร้อยละ 9.1 โดยมีสาเหตุ มาจากการที่ไตรมาส 3ปี 47 มีค่าใช้จ่ายที่เป็น One time expenses คือ ค่าใช้จ่ายในการ แปลงสภาพ จำนวน 17 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าว ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมและเดินทางสำหรับการร่วมฟัง ความคิดเห็นในการแปลงสภาพของประชาชนในส่วนกลางและภูมภาค (Public Hearing) ค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์เอกสารและจัดพิมพ์หนังสือชี้ชวน และ ค่าใช้จ่ายสำหรับค่าที่ปรึกษากฎหมาย เป็นต้น โดยสรุป กำไรสุทธิและกำไรสุทธิต่อหุ้นสำหรับ ไตรมาส 3ปี 48 ปรับขึ้นร้อยละ 9.0 เนื่องจากมีการบริหารต้นทุน และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา