10 พฤศจิกายน 2549
คำอธิบายและวิเคราะห์งบการเงินสิ้นสุด 30 ก.ย.49
คำอธิบายและวิเคราะห์งบการเงินสำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549
และ 2548
ผลการดำเนินงานของบมจ. อสมท และบริษัทย่อย
หน่วย ล้านบาท
(สอบทานแล้ว)
ก.ค.- ก.ย. 49 ก.ค. ? ก.ย. 48 เปลี่ยนแปลงร้อยละ
รายได้รวม 1,160 790 47
รายได้โทรทัศน์ 764 474 61
รายได้วิทยุ 204 143 43
ค่าใช้จ่ายรวม 581 451 29
กำไรสุทธิ 390 254 54
กำไรสุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.57 0.37 54
ผลประกอบการยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้รวมไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 47 เนื่องจากธุรกิจหลัก
คือโทรทัศน์และวิทยุ มีรายได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
1.ด้านโทรทัศน์ บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายได้จากรายการประเภท Seasonal Program ได้แก่ รายการ Academy Fantasia (AF)
ปี 3 ที่ได้รับความนิยมมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้รับงบโฆษณาจากภาครัฐ ได้แก่ การประชาสัมพันธ์สนามบินสุวรรณภูมิ
และการประชาสัมพันธ์พืชสวนโลก คาราวาน อีซูซุ ประหยัดน้ำมัน โครงการบ้านและคอนโด เป็นต้น
2. ด้านวิทยุฯ ยังมีรายได้ที่เติบโตอย่างมั่นคงจาก3 คลื่นหลัก ได้แก่ SEED FM 97.5 คลื่นลูกทุ่งมหานคร FM 95.0 และสถานีข่าว
FM 100.5 เนื่องจากมีการจัดทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับผู้ฟังอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สำหรับอีก 3 คลื่นที่ยังทำรายได้ไม่ถึงเป้า
10 ล้านบาทต่อเดือนนั้น คลื่นความคิด FM 96.5 มีรายได้ปรับเพิ่มขึ้น เพราะเริ่มมีการจัดกิจกรรมเสริม ส่วนคลื่น Metropolis
มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการจากเพลงสากลในยุค 1960-1970 เป็นเพลงสากลสำหรับคนรุ่นใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น Met 107
โดยมีการจับมือกันทางธุรกิจกับ 4 ค่ายเพลงยักษ์จากต่างประเทศ คือ EMI, Sony BMG, Universal และ Warner Music
ในวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มี Rating และรายได้ปรับเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มส่งผลตั้งแต่ไตรมาส
สุดท้ายของปี 2549
ในขณะที่บริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโทรทัศน์และวิทยุได้ในระดับที่ดี ทั้งๆที่มีการผลิตรายการสด
นอกสถานที่ เช่น รายการประชาสัมพันธ์สนามบินสุวรรณภูมิ และรวมทั้ง การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆของรายการวิทยุ
และรายการโทรทัศน์ด้วย โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโทรทัศน์และวิทยุปรับเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 19 เป็นจำนวน 390 ล้านบาท
ในไตรมาส 3 ปี 49 จากจำนวน 329 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายรวมปรับเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 29
โดยสรุป กำไรสุทธิ จึงปรับเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 54 หรือจำนวน 390 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้นจำนวน 0.57 บาท